Friday, January 17, 2014

เมื่อฉันบุกม็อบ!





       ตะวันลับฟ้าไปนานแล้ว ความมืดคลี่ปีกโอบล้อมทุกสรรพสิ่ง ฉันสะพายกระเป๋าลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินฝ่าฝูงชนบนถนนสายโลกีย์ (ถนนเส้นหนึ่งในย่านนานาที่คลาคล่ำไปด้วยผับและบาร์และสาวแท้สาวเทียมในชุดสุดเซ็กซี่ทียืนโปรยยิ้มหวานอยู่ตามบาทวิถี) มุ่งหน้าสู่แยกปทุมวัน-ราชประสงค์ หนึ่งในเจ็ดจุดที่เป็นพื้นที่ชุมนุมของม็อบกปปส. ฉันไม่มีนกหวีด ไม่มีสายรัดข้อมือสีธงชาติ ไม่สวมเสื้อลายธงไตรรงค์และไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ เหมือนผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ฉันเดินดุ่มๆ ผ่านสีแยกเพลินจิต ผ่านหลักหมุดเขตที่ดินของพระยาภักดีนรเศรษฐ์หรือนายเลิศ เศรษฐบุตร ตรงข้ามอาคาร Wave Place แล้วในที่สุดฉันก็มาถึงหน้าเซ็นทรัลชิดลม ฝั่งธนาคารกรุงศรี เห็นหนุ่มสาวออฟฟิตมากมายยืนเป็นกลุ่มๆ กระจายรอบเวทีที่มีการแสดงดนตรีสด บทเพลงเพราะๆ จังหวะมันส์ๆ ทำให้ใครต่อใครอดจะร้องตามและโยกย้ายไปมาเสียมิได้ ทุกคนดูมีความสุข สดใสร่าเริง มากกว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดจากการปราศรัยของแกนนำที่ฉันเคยเห็นในเคเบิ้ลทีวีช่องหนึ่งที่มีโลโก้เฉดสีฟ้าเข้มและฟ้าอ่อน ฉันเดินเบียดเสียดหนุ่มสาวออฟฟิตที่มีสายนกหวีดลายธงชาติคล้องคอกันทุกคน จนฉันรู้สึกผิดแผกแปลกแยกจากคนกลุ่มนั้น ในบริบทการเมืองแล้ว ฉันไม่ใช่พวกซ้ายสุดโต่ง หรือขวาสุดขอบ ฉันเคารพทุกความคิดเห็นและการแสดงออกของทุกคนทุกฝ่าย ในระบอบประชาธิปไตย เราทุกคนล้วนมีสิทธิ์เสียงเท่ากัน ไม่ว่าจะฝ่ายใด ข้างไหน ก็ล้วนมีเลือดไทยด้วยกันทั้งนั้น

   ฉันเดินผ่านเวทีอินดี้ที่มีนักร้องมากมายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นเวที มีสาวๆ หน้าตาดีเดินผ่านมาให้เห็นอยู่มากมาย และบนถนนเส้นนั้นก็กลายเป็นตลาดนัดไปโดยสิ้นเชิง แสงไฟสลัวใต้รางรถไฟฟ้าทำให้บรรยากาศการเดินไปสู่เวทีแยกปทุมวัน-ราชประสงค์ วาบหวิวเบาบาง คล้ายเดินอยู่ในความฝัน บนถนนที่เลือนรางปกคลุมด้วยม่านหมอก เมื่อมาถึงเวทีดังกล่าว ฉันรีบเดินขึ้นไปบนสกายวอล์ค เห็นผู้ชุมนุมนั่งเต็มถนนหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ปรากฏแกนนำท่านหนึ่งกำลังกล่าวปราศรัยอยู่ เสียงกู่ตะโกนพร้อมเสียงนกหวีดดังกังวานไปทั่วบริเวณ ฉันหยุดยืนถ่ายรูป เก็บภาพประวัติศาสตร์นั้นไว้ ก่อนเดินต่อไปยังสยามและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิสองจุดชุมนุมสุดท้ายของค่ำคืนนี้


     ระหว่างที่เดินไปสยาม ฉันเห็นคนเข้าคิวยาวเหยียดและด้านหน้าแถวนั้นก็ปรากฏชายหนุ่มสามคนกำลังชูป้ายตะโกนลั่นเรียกความสนใจให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อย่างดี

เชิญครับ พี่น้อง เชิญเข้ามารับแจกอาหารฟรีจากเราได้เลยครับ ข้าวร้อนๆ กับไข่เจียวฝีมือเชฟจากฝรั่งเศสเลยนะครับ วันนี้อุตส่าห์บินตรงจากฝรั่งเศสเพื่อมาช่วยทอดไข่เจียวกู้ชาติให้กับพี่น้องได้ทานกันเลยทีเดียว...

เสียงเชิญชวนของโฆษกจำเป็นทั้งสามเรียกรอยยิ้มให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อย่างดี

ฉันรีบเดินเข้าแถวและหยิบโทรศัพท์ขึ้นบันทึกภาพประทับใจนั้นทันใด

ผมสัญญากับพี่น้องเลยว่า ถ้าพรุ่งนี้ E ปูลาออก ผมจะยอมเดินเท้าเปล่าจากกรุงเทพไปนครฯ บนถนนคอ-นก-รีต ให้สาใจเลยเชียวใครคนหนึ่งในกลุ่มสามเกลอเอ่ยขึ้นดังลั่น เรียกเสียงโห่ร้องเกรียวกราวจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา ต่อจากนั้นเจ้าหนุ่มคนเดิมตะโกนขึ้นว่า

ยิ่งลักษณ์ (เสียงลากยาว) 
ออกไป!” มีเสียงของสองหนุ่มในกลุ่มตอบรับพร้อมกับเสียงของผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้น

ทักษิณ
ติดคุก

ธาริต
ไอ้เหี้ย!”

ฉันสำลักข้าวในปากออกมาเต็มคำขณะกำลังเคี้ยวเต็มปากอย่างเอร็ดอร่อย...


     สยามสแควร์ในค่ำคืนนี้ดูผิดแผกแตกต่างจากทุกๆ ครั้งที่ฉันเคยสัมผัส ห้างร้านต่างปิดเงียบแต่บนถนนกับคึกคักไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าและสินค้ายอดนิยมของการชุมนุมในครั้งนี้ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านไปจนถึงถนนหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ ที่เป็นจุดตั้งเวทีปราศรัยอีกจุดหนึ่ง จากนั้นฉันก็เดินผ่านสะพานหัวช้าง เห็นบังเกอร์ของการ์ดอาสาตรงทางเข้าออก ซึ่งเมื่อวันก่อนมีการปะทะกัน ณ จุดนี้ มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บไป 2 ราย ฉันเดินผ่านรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมถนนเห็นผู้ชุมนุมท่านหนึ่งที่เดินผ่านมาชี้ให้ดูรอยกระสุนบนรถคันดังกล่าว บรรยากาศตอนนั้นเงียบสงบ ไม่มีรถราสัญจรไปมาแต่อย่างใด ฉันเริ่มหวั่นใจขึ้นมาทันที คิดไปต่างๆ นานา กลัวจะมีการซุ่มโจมตีอีก ผู้คนต่างรีบสาวเท้าเดินไปตามแนวป้องกัน การ์ดอาสาตรวจค้นกระเป๋าของทุกคนที่เดินเข้ามายังเวทีปราศรัย ฉันรีบเรียกมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งให้ไปส่งที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ....ช่างเป็นเวลาที่บีบหัวใจจริงๆ


     ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวทีปราศรัยสุดท้ายของค่ำคืนนี้ที่ฉันจะเดินสำรวจ เพราะคำว่า ประวัติศาสตร์ ทำให้ฉันเกิดอาการ บ้า อยากเดินมาถ่ายรูปภาพบรรยากาศของการชุมนุมในครั้งนี้ ฉันไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะมีโอกาสได้มาเดินอยู่บนถนนสายหลักของกรุงเทพฯ ในบรรยากาศเช่นนี้อีก อย่างน้อยก็มีเรื่องเล่าให้ลูกหลานได้ฟังเมื่อชราไป


     ณ เวทีแห่งนี้ ฉันเห็นการ์ดนับร้อยชีวิตคุมเข้มอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งบนสกายวอล์ค ทางเข้า-ออกของเวทีปราศรัยและเดินปะปนกับผู้ชุมนุม การ์ดอาสาเหล่านี้จะมีป้ายคล้องคอกำกับไว้ หน้าตาเข้ม แววตาดุ คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมและควานหากลุ่มคนที่ไม่หวังดีที่อาจแฝงตัวเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย


  รอบๆ พื้นที่ชุมนุมมีเต็นท์ผ้าใบขนาดใหญ่ตั้งกางไว้ให้ผู้ชุมนุมพักผ่อนตามอัธยาศัยและมีเต็นท์เล็กๆ ของผู้ชุมนุมคนอื่นๆ วางเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณ ฉันยืนฟังแกนนำท่านหนึ่งปราศรัยจนจบแล้วเดินขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านพร้อมกับความคิดที่ดังก้องอยู่ข้างใน...เป็นความคิดที่ขมวดปมจนฉันสับสนกับคำว่า ประชาธิปไตย

บันทึกโดย

แดนดิน

17 มกราคม 2557
    

Friday, January 10, 2014

บันทึกสู่กาญนบุรี


     แม้จะเป็นการเดินทางเพียงระยะเวลาสั้นๆ ใช้เวลาขับรถราว 3-4 ชั่วโมง แต่ก็เป็นการเดินทางที่ทำให้เกิดการเรียนรู้และได้ข้อมูลท่องเที่ยวเพื่อใช้ทำมาหากินได้อย่างดี




     กาญจนบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เหล่านักเดินทางต่างรู้จักดี จังหวัดทางภาคตะวันตกแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 129 กิโลเมตร หรือ 80 ไมล์ (แน่ละ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่คุยด้วยมักประชดประชันบอกว่า ฉันไม่ใช่คนอังกฤษเลยไม่คุ้นกับหน่วยกิโลเมตรสักเท่าไหร่ ช่วยบอกเป็นไมล์ได้หรือเปล่าฉันรีบควักเอาความรู้สมัยมัธยมออกจากซอกหลืบของลิ้นชักความทรงจำ ครั้นนั่งท่องหน่วยพื้นที่กับสาวนัยน์ตาเล็กหยิบหยีคนหนึ่งในชั่วโมงคณิตศาสตร์ แล้วรีบแปลงหน่วยกิโลเมตรเป็นไมล์ทันที)

     เราขับรถออกจากโรงแรมราว 07: 30 น. โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) คนขับรถเป็นชายวัยใกล้ชน 60 ปี ฉันเรียกแกว่า น้า แทนคำว่า ลุงซึ่งฟังดูรื่นหูมากกว่าคำหลัง ตะแกเป็นคนช่างเจรจา เล่าประสบการณ์ทำงานในวงการท่องเที่ยว 40 ปีตลอดการเดินทาง พอขับผ่านอำเภอบ้านโป่ง แกก็บอกว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมอู่ต่อรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจนเรียกขานกันว่าเป็นดีทรอยท์แห่งประเทศไทย ฉันพยักหน้าหงึกหงักก่อนหันมาบอกแขกที่นั่งอยู่ด้านหลังรถว่า ‘This is one of the largest bus assembly industrial areas in Thailand, so it’s also called the Detroit of Thailand.’ แขกตื่นเต้นต่างเปล่งเสียง อ้า... ขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ไม่มีคำถามหรือคำพูดใดๆ พ่วงท้ายคำอุทานดังกล่าว (ฉันไม่แน่ใจนักว่าข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต้องบอกแขกหรือไม่ ฉันมาทริปนี้ไม่ใช่ในฐานะไกด์เพราะฉันไม่มีบัตรไกด์และยังไม่พร้อมจะไปฝึกอบรมให้เสียเงินหลายหมื่นบาท แต่ฉันก็หวั่นๆ อยู่ไม่น้อยว่าถ้าหากเจ้าหน้าตำรวจท่องเที่ยวพบเห็นฉันยืนคุยกับแขกอยู่ ณ สถานที่ใดที่หนึ่งของเมืองกาญฯ  เขา จะทึกทักว่าฉันเป็นไกด์เอาได้ แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือค่าปรับที่ไม่ต่ำกว่าสี่ซ้าห้าพันอย่างแน่ นอน) พอขับไปได้สักพัก เราก็เห็นไร่อ้อยและรถขนอ้อยถี่ขึ้น ฉันเห็นฝรั่งด้านหลังกระซิบกระซาบเหมือนอยากรู้ว่าทำไมมีไร่อ้อยและรถขนอ้อย เยอะแยะมากมาย ในที่สุดน้าคนขับรถก็บอกฉันว่า ที่แห่งนี้นอกเหนือจากขึ้นชื่อเรื่องอู่ต่อรถแล้วยังเป็นแหล่งผลิตน้ำตาล ทรายอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย แน่ละ...ฉันต้องรีบหันไปอธิบายให้กับแขกว่า ‘Apart from being one of the best bus assembly industrial areas in the country, Baan Pong is also one of the biggest sugar cane production areas in Thailand.’ ฉันคิดอยู่พักหนึ่งว่าควรใช้คำว่า ‘Sugar refinery’ ดีหรือไม่แต่ก็เลี่ยงใช้ศัพท์ดังกล่าวเพราะความไม่มั่นใจ...



   เรามาถึงพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สองหรือ Jeath War Museum ราว 10 โมงเช้า นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาท (ส่วนคนไทยไม่แน่ใจว่าเสีย 20 บาทหรือเปล่า แต่วันนั้นฉันเข้าชมฟรี) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ มีเรือให้บริการล่องแม่น้ำแควใหญ่ไปยังสะพานข้ามแม่น้ำแควลำละ 250 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที น้าคนขับรถบอกให้ฉันลองเสนอขายให้แขกดูเผื่อจะได้ค่าน้ำ (ค่าน้ำคือส่วนต่างราคาที่บวกเพิ่มเข้าไปจากราคาต้นทุน) ฉันก็เก้ๆ กังๆ เอ่ยขายกับลูกค้า แต่สุดท้ายในกลุ่มเลือกที่จะนั่งรถไปสะพานกัน



     ระหว่างไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว เราแวะที่สุสานทหารสัมพันธมิตรหรือมีชื่อเป็นทางการว่า สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanburi War Cemetery) ณ ที่แห่งนี้ฉันกับน้าคนขับรถต้องปล่อยให้แขกเดินเข้าไปในสุสานก่อนเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้า เมื่อแขกเดินเข้าไปแล้ว ฉันจึงเดินตามหลังห่างๆ และเดินเที่ยวชมสุสานเพียงลำพังท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ของสายวันนั้น

 ณ สุสานแห่งนี้ฉันได้เรียนรู้ว่าทหารที่เสียชีวิตในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองนั้นล้วนเป็นคนหนุ่มทั้งสิ้น อายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 23-32 ปี เวลานั้นลมเย็นพัดมาแผ่วเบาต้องผิวจนสัมผัสถึงความยะเยือก ฉันทอดมองต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาอยู่ตรงหน้าพลางนึกถึงยุคสมัยของตัวเองที่ไม่มีสงครามถึงขั้นรบราฆ่าฟันกันเหมือนในอดีต ทำให้รู้สึกว่าโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาในยุคปัจจุบัน ได้อยู่ชิดใกล้คนที่เรารัก และไม่ต้องตกระกำลำบากเหมือนเช่นผู้คนในยุคนั้น สมัยนั้น





     เราออกเดินทางต่อไปยังสะพานข้ามแม่น้ำแคว เมื่อมาถึงแล้ว ฉันก็เดินนำแขกไปยังสะพานที่คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มนักศึกษาที่มาทัศนะศึกษามาก มาย ทำให้นึกถึงวัยเรียนขึ้นมาทันที ระหว่างที่เดินสำรวจสะพานอยู่นั้น ฉันแลเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนสีไวโอลีนท่ามสายลมพัดผ่านด้วยความสุขใจ บทเพลง Pachelbel's Canon กังวานเพราะพริ้ง ทำให้ฉันอดทอดอารมณ์ไปกับเสียงเพลงและสายลมเสียมิได้...ไม่รู้สินะ...เวลาที่ได้ยินบทเพลงซึ้งๆ ทีไรฉันมักกระหวัดถึงใครคนหนึ่งที่เคยเดินผ่านในวันวานผ่านเลย...และคงเก็บไว้ในความทรงจำเท่านั้น

     ตกบ่ายวันนั้นเรารีบขับรถมุ่งหน้าสู่น้ำตกเอราวัณซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองกาญประมาณ 65 กิโลเมตร (อ้อ...ฉันควรแปลงหน่วยเป็นไมล์ก่อน...เป็น 40 ไมล์) ระหว่างเส้นทางเราขับผ่านเขาชนไก่ ค่ายฝึกวิชาทหารอันขึ้นชื่อ ผ่านร้านขายหินมากมาย พอมาถึงน้ำตกและจ่ายค่าเข้าชม 200 บาทสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและค่าจอดรถ 30 บาทแล้ว ฉันก็เดินนำแขกไปสำรวจน้ำตก 7 ชั้นนั้นทันที 



     ระหว่างเส้นทางสู่เมืองกาญในครั้งนี้ มีภาพเก่าๆ สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเข้ามาในความทรงจำเสมอ ภาพของเพื่อนนักศึกษาที่ออกค่ายอาสาในฤดูฝนหลังเมษาฯ ภาพธรรมชาติของจังหวัดกาญจนบุรี น้ำตก ภูเขา เขื่อน และสายน้ำกระจ่างใส บทเพลงเก่าๆ เรื่องราวแห่งวันวาน แม้ครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางออกค้นหาชีวิตแต่ก็มีกลิ่นอายของความอบอุ่นหัวใจกรุ่นกรายอยู่ภายในตลอดเส้นทาง....

บันทึก
10/01/2014
แดนดิน



Saturday, January 4, 2014

การเพิ่มยอดขายและปัญหาการทำทัวร์





1.       การเพิ่มยอดขาย

      การขายทัวร์ในโรงแรมหรือตามเคาเตอร์ทัวร์ต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการพยายามเสนอขายให้คลอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะเข้ามาติดต่อสอบถามเกี่ยวกับ Product ที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษแต่ไม่ได้แจ้งผู้ขายเกี่ยวกับ Product หรือโปรแกรมอื่นๆ ด้วยเหตุดังกล่าว ทางผู้ขายจำเป็นต้องรู้ว่าลูกค้าจะพักอยู่กี่วัน มีแผนไปท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง และจะเดินทางกลับเมื่อไหร่เพื่อจะได้ค้นหา Product อื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการและสามารถนำเสนอขายได้เพิ่มขึ้น
     
     โดยปกติแล้ว ผู้ขายจะนำกระดาษ Recycle 1 แผ่นขึ้นมาร่างโปรแกรมการเดินทางให้กับลูกค้า การทำเช่นนั้นเพื่อเพิ่มยอดขายและช่วยวางแผนการเดินทางให้กับลูกค้าไปในตัวอีกด้วย 

ตัวอย่างการร่างโปรแกรมการเดินทางให้กับลูกค้า

DATE

4      BKK (Arrival)                                              Day 1
5      BKK ----- CNX (A)                                        DAY 2 -----> Route 1
6      Chiang Mai                                                 DAY 3
7      Chiang Mai                                                 DAY 4
8      CNX ----- HKT (A)                                        DAY 5 -----> Route 2
9      Phuket                                                        DAY 6
10    Phuket                                                        DAY 7
11    HKT ---BKK ---LHR                                       HOME -----> Route 3

กรณีศึกษาและวิธีปฏิบัติ

     วันที่ 04 มกราคม 2557 มีลูกค้าจำนวน 6 ท่านเข้ามาติดต่อสอบถามเกี่ยวกับทัวร์วัด (City and Temple Tour) ทางผู้ขายได้นำกระดาษ Recycle 1 แผ่นพร้อมดินสอมาวางไว้ตรงโต๊ะด้านหน้าของลูกค้าจากนั้นทำการร่างแผนการเดินทางและท่องเที่ยวของลูกค้า ทางลูกค้าแจ้งว่าจะต้องเดินทางกลับในวันที่ 05 มกราคม 2557 เที่ยวบินเวลา 20:00 น. ทางผู้ขายร่างรายการดังกล่าวลงบนกระดาษ Recycle พร้อมให้ข้อมูลลูกค้าว่าจะต้องไปถึงที่สนามบินอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (โดยปกติแล้วถ้าเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศจะต้องไปถึงที่สนามบินอย่างน้อย 3 ชั่วโมง แต่เนื่องจากผู้ขายต้องการให้ลูกค้าแวะชมร้านตัดสูทและร้านจิวเวอร์ลี่ด้วย ซึ่ง Agent ส่วนใหญ่นิยมปฏิบัติเช่นนั้นเพื่อหวังว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าและจะได้ค่าน้ำ) ทางลูกค้าพยักหน้าเห็นด้วย ทางผู้ขายรุกต่อด้วยการแจ้งโปรแกรมดังนี้

-          12:00 น. รถตู้พร้อมไกด์มารับที่โรงแรม ลูกค้าเช็คเอ้าท์และขนกระเป๋าขึ้นรถพร้อมออกเดินทาง
-          15:30 น. เสร็จการทำทัวร์แล้วพาแขกไปช็อปปิ้ง
-          16:30 – 17:00 น. ออกเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ

ราคาขาย

- ค่าไกด์ 500 บาท (1 ทัวร์)
- ค่ารถตู้ 1 ทัวร์ + ส่งออก 2,000 บาท
- ค่าเข้าชมวัดไตรมิตรและวัดโพธิ์ 140 x 6 = 840 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 3,340 บาท
คิดลูกค้าคนละ 1,000 บาท = @6 x 1,000 = 6,000 THB.
เมื่อแจ้งราคาให้กับลูกค้าไปแล้ว ปรากฏว่าลูกค้าต่อราคา (ตามที่คาดการณ์ไว้) ผู้ขายจึงลดราคาลงมาเหลือที่ 5,500 บาท พร้อมทำการปิดการขายโดยบอกว่าเป็นราคาที่ลดให้พิเศษแล้วจริงๆ จากนั้นก็คำนวณค่าใช้จ่ายเป็นรายบุคคลพร้อมปิดท้ายด้วยการให้ลูกค้าดูราคา Joint Tour ที่ตกอยู่คนละ 850 บาท ลูกค้าตกลงพร้อมทำการออก Voucher



2.       ปัญหาการทำทัวร์และวิธีแก้ไข

2.1 ปัญหาเรื่องห้องพักที่จองไว้ไม่เหมือนกับในเว็บไซด์ของโรงแรม

      ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ปวดหัวมากที่สุดสำหรับผู้ขาย ทางผู้ขายเห็นว่าเคาเตอร์ทัวร์ควรจะทำการติดต่อขอ Contract กับทางโรงแรมโดยตรงจะดีที่สุดโดยไม่ต้องผ่าน Agent (Whole Sale ) โดยก่อนการทำ Contract กับโรงแรมใดๆ ก็ตาม ทาง Counter Tour ควรจะลงไป Inspection ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าห้องพักได้มาตรฐานและเหมือนกับที่ลงไว้ในเว็บไซด์ และที่สำคัญทาง Counter Tour เองก็จะได้ราคา Agent Rate จริงๆ ซึ่งสามารถขายทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 

กรณีศึกษาและวิธีปฏิบัติ

     ลูกค้าคู่หนึ่งเข้ามาติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทย โดยลูกค้าสนใจไปเที่ยวเกาะสมุย ทางผู้ขายปฏิบัติเช่นเดิม นำกระดาษ Recycle 1 แผ่นออกมาร่างแผนการเดินทางให้กับลูกค้าคู่นั้น เมื่อโทรเช็คตั๋วเครื่องบินและที่พักบนเกาะสมุยแล้วปรากฏว่าเต็มหมด ทางผู้ขายเลยเสนอเปลี่ยน Destination เป็นหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ตแทน พร้อมโปรยคำใหญ่คำโตว่าเป็น World Class Destination และมีเที่ยวบินไปภูเก็ตมากกว่าที่เกาะสมุย ลูกค้าตกลงและทางผู้ขายก็สามารถหาตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับพร้อมโรงแรมได้ ทางผู้ขายเปิดเว็บไซด์ของโรงแรมให้ลูกค้าดู เมื่อลูกค้าเห็นรูปภาพและข้อมูลต่างๆ แล้วก็ตอบตกลง ทางผู้ขายทำการออก Voucher พร้อม Booking
   
    ในวันที่ลูกค้าเข้าเช็คอินกับโรงแรมเวลาราวสี่ทุ่ม ทางผู้ขายได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อกดรับและกรอกเสียงทักไป เสียงปลายทางก็ตอบกลับมาด้วยอาการโมโห...เสียงปลายทางนั้นก็คือลูกค้าของผู้ขายเอง (ผู้ขายจะเอาเบอร์โทรศัพท์ให้กับลูกค้าไว้ติดต่อสอบถามกรณีเกิดปัญหาเสมอ ผู้ขายเห็นว่าเราควรจะดูแลลูกค้าตลอดการเดินทาง ไม่ควรทิ้งลูกค้าไปผจญกับปัญหาเอง) เมื่อพูดคุยกับลูกค้าท่านนั้นทางโทรศัพท์แล้วก็ทราบปัญหาว่าห้องพักที่จองไว้นั้นไม่ถูกใจ ลูกค้าต้องการเปลี่ยนห้องภายในคืนนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะขอ Refund คืนทั้งหมด แน่นอนว่าผู้ขายเองซึ่งเหนื่อยมาจากการทำงานและกำลังจะพักผ่อนต้องมาเจอกับปัญหาดังกล่าวแล้ว ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดและใจหายวับขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่ผู้ขายต้องระงับอารมณ์และความรู้สึกนั้นไว้โดยการถอนหายใจเข้า-ออก ลึกๆ สามครั้งก่อนตอบลูกค้าไปว่า ในกรณีการย้ายห้องพักนั้นขอไว้เป็นพรุ่งนี้ได้หรือไม่เพราะคืนนี้ดึกมากแล้วพร้อมแนะนำให้เข้าพักก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าผู้ขายจะรีบดำเนินการติดต่อกับทางเอเย่นต์พร้อมรีบหาที่พักใหม่ให้ทันที ทางลูกค้าสวนกลับมาว่า จะไม่ขอเข้าพักโรงแรมนี้เด็ดขาดและจะออกไปหาโรงแรมใหม่พร้อมขอ Refund คืนทั้งหมด อารมณ์ของผู้ขายเริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ต้องพยายามข่มไว้แล้วตอบกลับไปว่า คืนนี้ผู้ขายต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้เพราะว่าดึกมากแล้วและทางเอเย่นต์ของผู้ขายเองก็ปิดออฟฟิตกลับบ้านกันหมดแล้ว ยังไงขอร้องให้ลูกค้าเข้าพักแค่คืนเดียวไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าทางผู้ขายจะรีบดำเนินการย้ายโรงแรมให้ทันที (พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังหนักแน่นพอพูดจบก็ถอนหายใจลึกยาวด้วยความเหนื่อยใจ) จนแล้วจนรอด ทางลูกค้าก็นั่งยันยืนยันหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่ยอมเข้าพักแน่นอน แล้วพูดปิดท้ายขึ้นว่าจะออกไปหาโรงแรมใหม่ตอนนี้เลยและจะขอ Refund คืนทั้งหมด เมื่อผู้ขายไม่สามารถห้ามลูกค้าได้แล้วก็ตอบไปว่าถ้าลูกค้าไม่อยากพักก็ไม่เป็นไรแต่จะขอ Refund ทั้งหมดได้หรือไม่นั้นทางผู้ขายต้องปรึกษากับทางเอเย่นต์ก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบภายในวันพรุ่งนี้และปิดท้ายว่าความจริงแล้วการจองห้องพักดังกล่าวนั้นก็ได้รับการยินยอมจากทางลูกค้าเอง ทางผู้ขายหรือเอเย่นต์ไม่ได้จัดหาเพียงลำพัง ทุกอย่างดำเนินการภายใต้ความยินยอมของลูกค้าทั้งหมดทั้งสิ้น จากนั้นลูกค้าก็ตัดบทพร้อมกำชับให้ผู้ขายรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดในวันรุ่งขึ้น วันต่อมาทางผู้ขายก็รีบโทรหาเอเย่นต์เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ทางเอเย่นต์แจ้งว่าทางโรงแรมจะชาร์จลูกค้า 2 คืนและจะ Refund ในส่วนที่เหลือ (ลูกค้า Booking ไว้ 6 คืน) เมื่อทราบดังนั้นทางผู้ขายรีบโทรแจ้งลูกค้าพร้อมอธิบายเงื่อนไขของโรงแรมอย่างละเอียด ลูกค้าตอบตกลงและทางผู้ขายก็ประสานกับทางเอเย่นต์ให้ทางโรงแรมรีบนำเงินไปคืนลูกค้าทันที...

2.2   ปัญหาการจองตั๋วเครื่องบิน

     นับแต่เว็บไซด์กำเนิดขึ้น ก็เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านต่อสังคมโลก และเว็บไซด์ก็มีทั้งผลดีและผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวเช่นกัน ยิ่งปัจจุบันมีสายการบิน Low Cost Airline เกิดขึ้นอีก ก็ยิ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อการเดินทางและการทำธุรกิจท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ปัญหาหนึ่งที่ผู้ขายเจอคือราคาตั๋วหน้าเว็บไซด์ของสายการบินถูกกว่าราคาที่เอเย่นต์ขายหรือแตกต่างกันไม่มากนัก แล้วอย่างนี้คนทำธุรกิจด้านนี้จะอยู่รอดได้อย่างไร? 

โดยปกติแล้วผู้ขายจะชาร์จลูกค้าด้วยวิธีการดังนี้
 
                        สายการบินภายในประเทศ (Domestic Flight): 1 Route บวกไป 800-1,000 บาท
                        สายการบินระหว่างประเทศ (International Flight): 1 Route บวกไป 1,000 บาทขึ้นไป
              (แต่ Counter Tour Sales/Operator บางคนชาร์จมากกว่านั้น)

    ปัญหาที่เกิดขึ้นคือลูกค้าเปรียบเทียบราคาขายหน้าเว็บไซด์กับราคาที่ผู้ขายเสนอ ถ้าราคาแตกต่างกันมาก ลูกค้าก็จะถามว่าทำไมคิดค่าบริการแพงเหลือเกิน Counter Tour Sales/Operator บางคนที่อารมณ์ร้อนก็สวนกลับไปว่า งั้นมึง (You) ไปจองเองเลย ไม่ต้องมาใช้กู (I)’ แน่ละการตอบลักษณะแบบนั้น ร้อยทั้งร้อยลูกค้าก็ทำหน้ายักษ์หน้ามารเข้าใส่แล้วก็เดินหนีไปไม่คิดจะกลับมาคุยด้วยอีกเลย แต่ผู้ขายจะตอบไปว่าราคาหน้าเว็บที่ลูกค้าเห็นนั้นยังไม่ใช่ Final Price เพราะเวลาที่ลูกค้าทำการ Payment ผ่านบัตรเครดิตแล้วจะมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมอีก และที่สำคัญถ้าเกิดปัญหาการจองขึ้นมาหรือลูกค้าต้องการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางก็จะทำให้ยุ่งยากเสียเวลาขึ้นมาอีก จากนั้นผู้ขายอาจเสนอลดราคาลงมาอีกเล็กน้อย แต่ถ้าลูกค้าไม่สนใจจริงๆ ก็คงต้องปล่อยไป 

   ส่วนปัญหาอื่นๆ นั้นเดี๋ยวจะมาเล่าแบ่งปันให้เพื่อนๆ ในตอนต่อไปครับ....