Wednesday, December 18, 2013

ธุรกิจท่องเที่ยว ตอนที่ 1: ธุรกิจ Counter Tour



ธุรกิจท่องเที่ยว
ตอนที่ 1: ธุรกิจ Counter Tour

     Counter Tour เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่พบเห็นทั่วไปตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งจุดที่ตั้ง Counter Tour นั้นจะอยู่ในโรงแรมที่พัก ตามถนน ซอกซอย ที่มีนักท่องเที่ยวเดินกันพลุกพล่าน เช่น ซอยสุขุมวิท 11, ถนนข้าวสาร, ย่านถนนคนเดินในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และ ปาย เป็นต้น

ธุรกิจ Counter Tour ทำอะไรบ้าง?

     ธุรกิจนี้เกี่ยวกับการขายทัวร์ จองโรงแรม ที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ตั๋วรถทัวร์ ตั๋วเรือ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การยื่นขอวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว Counter Tour จะติดต่อกับ Agent ที่ทำ Contract Rate กันไว้ในการขายผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Counter Tour บางแห่งก็อาจจะดำเนินการเองทั้งหมดโดยไม่ผ่าน Agent แต่อย่างใด เช่น Private Tour เป็นทัวร์ที่ทาง Counter Tour Sales/Operator จัดการหาไกด์ หารถ เองทั้งหมด นอกเหนือจากนั้น Counter Tour ที่ประจำอยู่ในโรงแรมจะต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ดีกับแขกด้วย เช่น อธิบายแผนที่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทาง และแหล่งท่องเที่ยวที่แขกจะไป เป็นต้น

แนวโน้มธุรกิจ Counter Tour เป็นอย่างไรบ้าง ดีหรือไม่?

     ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชนและวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสันทนาการและบันเทิง เป็นต้น จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 – 2555 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าบางปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงบ้างแต่โดยภาพรวมแล้วอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นมีการขยายตัวด้วยดีเสมอมา จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2555 มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 22 ล้านคน และมีตลาดใหม่เกิดขึ้นมาด้วย เช่น ตลาดจีน เป็นต้น ผู้เขียนเองเชื่อมั่นว่าเมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 แล้วจะทำให้การท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้คึกคักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่มีแนวโน้มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นและกระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อีกด้วย

จากข้อมูลและสถิติดังกล่าว ผู้เขียนเชื่อว่าธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้

1.       เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในยุโรปเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
2.       การเปิดตัวประชาคมอาเซียนในปีพ.ศ. 2558 จะทำให้เกิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น
3.       กลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เช่นกลุ่ม BRIC เป็นต้นจะทำให้คนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวจะออกเดินทางไปทั่วโลกซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน

ด้วยปัจจัยดังกล่าวแนวโน้ม ธุรกิจ Counter Tour ดูมีทิศทางที่สดใสอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

อยากลงทุนทำธุรกิจ Counter Tour ต้องทำอย่างไรและลงทุนสูงหรือไม่?

     การลงทุนในธุรกิจ Counter Tour นั้นไม่แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ที่ผู้ลงทุนจะต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดของการลงทุนในธุรกิจนี้ก็คือทำเล (Place) ทำเลที่น่าสนใจจะต้องอยู่ในจุดที่มีการไหลเวียนของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง มีหลากหลายกลุ่มลูกค้า ไม่จำกัดเฉพาะตลาดใดตลาดหนึ่ง และผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละตลาดอย่างถ่องแท้ เช่น ตลาดอาหรับจะนิยมเดินทางเข้ามาในประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศแถบนั้นและสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ตลาดนี้ชื่นชอบได้แก่ ทะเล ชอปปิ้ง ไนท์ไลฟ์ การรักษาโรคและเช็คสุขภาพ เป็นต้น กลุ่มลูกค้าชาวอาหรับนิยมเดินทางเป็นครอบครัว มีการจ่ายต่อทริปต่อกรุ๊ปที่ค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มตลาดจีน สิ่งสำคัญที่สุดของการลงทุนในธุรกิจนี้จะต้องมีใจรักในงานบริการและมีความรู้เกี่ยวกับข้อมูลท่องเที่ยวที่หลากหลาย สามารถนำเสนอสินค้าได้อย่างชัดเจน มีทางเลือกให้กับลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อและสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีคุณธรรมและความเอาใจใส่ลูกค้าอย่างจริงใจ ตัวอย่างเช่น เวลาที่ลูกค้าเข้ามาจองตั๋วเครื่องบิน  ทาง Counter Tour  Sales/Operator ควรจะมีกระดาษ 1 แผ่น (กระดาษที่ใช้แล้ว) พร้อมดินสอไว้ร่างแผนการเดินทางคร่าวๆ ของลูกค้า Counter Tour Sales/Operator ควรจะถามแขกว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนบ้าง มีที่พักหรือยัง จะพักกี่วัน แล้วจากนั้นจะเดินทางต่อไปไหน อยากไปเที่ยวอะไรบ้าง และท้ายสุดนั้น Counter Tour Sales/Operator ควรจะทราบวันเดินทางกลับของลูกค้าด้วย เหตุผลที่เราต้องร่างแผนการเดินทางของลูกค้าเพราะ

1.       ช่วยวางแผนการเดินทางให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าทราบว่าควรจะใช้เวลาท่องเที่ยวในแต่ละที่นานเท่าไหร่และน่าจะใช้งบมากน้อยแค่ไหน
2.       ทำให้ Counter Tour Sales/Operator สามารถนำเสนอขายสินค้าได้มากกว่า 1 รายการ
3.       ทำให้ Counter Tour Sales/Operator เห็นภาพการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันเดินทางกลับซึ่งจะเป็นประโยชน์ในแง่ของการศึกษาพฤติกรรมการเดินทางของลูกค้าไม่มากก็น้อย

     การลงทุนทำธุรกิจนี้เริ่มต้นด้วยเงินเพียงหลักหมื่นถึงหลักแสนเท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่จะตั้ง Counter Tour สถานที่ เช่น ถ้าตั้งอยู่ในโรงแรม 3 ดาวค่าเช่าก็จะแตกต่างจากโรงแรมระดับ 4-5 ดาว อุปกรณ์ในการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสารแบบ Multi Function ค่าตกแต่ง counter ค่าติดตั้งโปรแกรมสำหรับออก Voucher เป็นต้น
 
     การเลือกทำเลที่ตั้ง Counter Tour คือปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจนี้และในยุคข้อมูลข่าวสารการทำเว็บไซด์แนะนำสินค้าหรือการใช้ Social Media ก็นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มความสำเร็จให้กับผู้ลงทุนได้อีกด้วย

บันทึกโดย
นายแดนดิน

Friday, November 15, 2013

New Friendship While Traveling

     Since entering the travel field, I have been motivated by so many tourists. I don’t care much about making a profit since I realized that making money from tourism is a real pain in the game. All I need is happiness and inspiration, and doing a job that I love. I like traveling and talking to people from different countries and cultures.

     During the past week, I was traveling to the north of Thailand. It is; of course, Mae Hong Son, my lovely hometown. I received a tour booking from a group of Malaysian tourists who found my business on a website. We then came into contact with each other by email and they requested me to arrange a tour program in Mae Hong Son for them. Now, I could see the power of the internet and social media channels. I have a small guesthouse in Mae Hong Son and I am willing to run a small travel agency in this tiny city. However, it is a big challenge for me and my family to survive during the low season since Mae Hong Son has a very short period of tourism; only 4 months. The rest of the year, it can be frustrating to see your small business struggle.

     I am very happy to see a big smile on the face of my lovely guests (customers). It was time when they visited the Bua Tong field at Khun Yuam district, Mae Hong Son. November and December is the blossom season for the Mexican sunflower which is locally known as ‘Dok Bua Tong’. The yellowish mountain is so amazing and fantastic. We then drove back to Mae Hong Son and went up to the hill top temple where the annual celebration of the temple was held. We really enjoyed ourselves at the venue.
The next day, we started our early full day tour at the morning market where we tried some local food and had a great time to offer alms to monks. We left the market with happiness and drove through the bright green rice paddies and small villages to the Chinese village at ‘Baan Rak Thai’ and to the ‘Lake of Dreams’ at Baan Ruam Thai before heading to the long neck village.


     We left ‘Sarm Mork Guest House’ late in the afternoon to Pai, a popular place for backpackers and it’s famous for trekking tours. However, the charms of Pai are changing as many locals have moved out and it seems to be more business going on. Though, I still love Pai to some extent. The memorial bridge at Pai was the last attraction on the program. After sending my ‘new friends’ to their hotel, I decided to explore around the city of Pai. Traveling opens my eyes and changes my perspectives. I learned a lot from my Malaysian new friends who I called ‘guests or customers’ when we first met and then our relationship as we traveled together has developed into friends.


See you guys in the near future…..

God bless….


Watt (Sarm Mork Guest House)

Monday, October 21, 2013

ฤดูหนาว...ณ เมืองสามหมอก...Mae Hong Son….it’s foggy now!

   

   
     This morning (22/10/2013) the mist was flying over the mountains and the temperature dropped by 3-5 degree Celsius. My breath turned white and I started shivering (For you guys who come from cold countries, the cold season here in Thailand is simply summer time for you).

     These days I noticed more tourists have traveled to Mae Hong Son. One of the guys who stayed here in my guesthouse came from South Korea and I just called him ‘Kim’ (‘Kim is the Korean name that we, Thai people, know very well). He just told me he was inspired by a Korean couple who had traveled to Mae Hong Son and stayed in ‘Sarm Mork Guest House’. When they returned home, they wrote about their trips to Mae Hong Son on their blog. Kim came from Incheon, a bustling port west of Seoul. I saw him with a big bag and handling a Nikon DSLR camera and a small notebook. Back to Korea, Kim was just a typical private employee who worked hard and had no time for himself. For Kim, traveling is to seek other states, other lives, and other souls.

     Boy and Naen, a young couple from Chiang Mai University, also traveled to this tiny city. They came to ‘The Land of Three Mists’ for photography. For these two young artists, traveling gives them new perspectives to their photography. To them, do what your heart says, and you will be much better off.

Daendin

October 22nd, 2013

      เช้านี้หมอกขาวโพลนลอยอ้อยอิ่งระเรี่ยดอยกองมูหรือวัดพระธาตุดอยกองมู อากาศหนาวเย็นมากขึ้น อุณหภูมิลดลงราว 4-5 องศา มีควันระบายออกมาตามลมหายใจ นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางเข้าสู่เมืองนี้ คิม (นามสมมุติ) หนุ่มเกาหลีจากเมืองอินชอน เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในชายฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้รอนแรมสะพายเป้มาพักที่สามหมอกเกสท์เฮ้าส์ เขามีสมุดบันทึก 1 เล่ม กล้อง DSLR ยี่ห้อ Nikon 1 ตัว เขาเล่าว่ารู้จักแม่ฮ่องสอนและสามหมอกเกสท์เฮ้าส์จาก Blogger หนุ่มสาวเกาหลีคู่หนึ่ง และเรื่องราวการเดินทางของทั้งคู่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขาออกเดินทางสู่เมืองนี้...คิมเป็นพนักงานบริษัทเอกชนชื่อดังในเกาหลี การเดินทางสำหรับเขาคือการได้คำว่า ชีวิต กลับคืนมาอีกครั้ง....

    บอยกับแนน...บอยกับแนนเป็นคู่วัยใสจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินทางเข้าสู่เมืองสามหมอกเพื่อมาเก็บรูปภาพงานออกพรรษาและสะพานแห่งศรัทธานาม ซูตองเป้ทั้งคู่ก็เหมือนจิตกรสุดติสต์แห่งคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่มีหัวใจอิสระและรักการถ่ายรูป บอยกับแนนเล่าว่าการเดินทางคือการเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับพวกเขาในการเก็บบันทึกรูปภาพ สำหรับการถ่ายรูปแล้วก็คงไม่ต่างจากการเขียนหนังสือที่ต้องมีแรงบันดาลใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาจากมุมมองและความคิดของผู้สื่อสาร สำหรับทั้งคู่แล้ว การเลือกทำในสิ่งที่หัวใจเรียกหาทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้นทุกวัน

     ยังมีเรื่องราวของนักเดินทางอีกหลากหลาย ที่พร้อมจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครได้ออกเดินทางสู่เมืองในฝันของฤดูหนาวปีนี้ โลกใบนี้กว้างใหญ่เกินกว่าการที่จะจำกัดตัวเองให้อยู่กับความจำเจซ้ำซากของชีวิต

แดนดิน

22 ตุลาคม 2556

Monday, October 7, 2013

Wat Traimit, One of The Must Visited Temples in Bangkok





     ในกรุงเทพ มีวัดอยู่มากมายหลายแห่ง วัดที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวคือวัดพระแก้ว วัดโพธิ์ วัดอรุณ และวัดเบญจมบพิตร และมีอีกวัดหนึ่งซึ่งเป็นวัดที่ถูกบันทึกไว้ว่ามีพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วัดนั้นก็คือ 'วัดไตรมิตร'




     ดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เดิมมีชื่อว่า 'วัดสามจีน' ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุงหรืออยู่ทางด้านทิศตะวันตกของสถานีรถไฟหัวลำโพง วัดไตรมิตรเป็นวัดที่ประดิษฐาน 'หลวงพ่อทองคำ' ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์สมัยสุโขทัยและเป็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่จะอยู่ในโปรแกรม Temples and City Tour ของหลายบริษัททัวร์และเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวจะต้องไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมสักครั้งเมื่อมีโอกาสมาเที่ยวเมืองไทย



     Wat Traimit is one of the must visited temples in Bangkok. The temple is located at the end of Chinatown's Yaowarat Road, near Hualampong Railway Station, Wat Traimit houses the world's largest massive gold seated Buddha measuring nearly five metres in height and weighing five and a half tons. In the past, artisans crafted the Buddhas in gold and disguised them from invading armies by a covering of stucco and plaster.



     The Buddha at Wat Traimit was discovered by accident when it was accidentally dropped as it was being moved, revealing, under a casing of plaster, a beautiful solid gold Sukhothai style Buddha. Pieces of the plaster are still kept on display.

Opening Hours: 09:00 - 17:00
Location:           Traimit Road (west of Hua Lampong Station), at the very beginning of  
                          Chinatown
Price Range:      10 Baht to visit the museum located half way to the top of the building.
                           Visiting the golden buddha itself is free.

Source: http://www.bangkok.com/attraction-temple/wat-raimit.htm

Thursday, October 3, 2013

ปาย...ดินแดนแห่งแรงบันดาลใจ


ปาย...สำหรับใครหลายคนที่เีคยมาเที่ยวแล้วต่างก็มีทั้งประทับใจและไม่ประทับใจ บางคนก็บอกว่า ปายคือดินแดนแห่งความฝัน โรแมนติกไม่แพ้ที่ไหนในประเทศไทย แต่บางคนก็บอกว่า ปายหมดเสน่ห์ของความเป็นพื้นเมืองไปเสียแล้ว จะยังไงก็แล้วแต่ ปายสำหรับผมก็ยังสวยงามและเหมาะกับการค้นหาแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ ปาย...มีอะไรให้น่าค้นหา เราลองมาดูกัน

ปายคือดินแดนอาร์ตตัวแม่



ผมมีโอกาสเดินทางไปเมืองท่องเที่ยวในประเทศไทยก็หลายที่แต่ยังไม่พบว่ามีเมืองไหนที่จะรวมเอาเหล่าศิลปินหรือพวกอาร์ตติสท์ทั้งหลายแหล่ไว้ได้มากเท่าที่อำเภอปาย ทุกหนทุกแห่งในอำเภอปายเต็มไปด้วยงานศิลปะและไอเดียกิ๊บเก๋อเนก้า จนใครต่อใครที่ได้มาสัมผัสจะพบกับความประทับใจไม่มากก็น้อย ผมลองเดินสำรวจไปทั่วถนนคนเดินในเช้าวันนี้พบว่าทุกร้านที่อยู่สองข้างถนนจะต้องมีหนึ่งผลงานศิลปะที่น่าประทับใจจนผู้มาเยือนต้องถ่ายรูปเก็บไว้และบางร้านก็ทำให้ใีครหลายคนยืนมองด้วยความทึ่งที่เจ้าของผลงานสามารถคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ผมชอบมาเที่ยวเมืองนี้เมื่อต้องการไอเดียใหม่ๆ เอาไปตกแต่งที่ร้านอาหารกับเกสท์เฮ้าส์

ปายคือดินแดนแห่งแรงบันดาลใจ



คุณเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ค่อนหนึ่่งของคนที่อาศัยอยู่ที่อำเภอปายคือเหล่าศิลปินที่ทำงานอยู่ในแวดวงศิลปะ โฆษณา หนังสือ และการท่องเที่ยว พวกนี้เป็นคนหนุ่มสาว มีหัวใจอิสระ คิดนอกกรอบและเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ผมเห็นบางคนเดินทางมาจากภาคใต้ของประเทศ บางคนเป็นฝรั่งมาจากยุโรปและบางคนก็เป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ในสังคมไทย เวลาที่คุณได้มาเยือนปาย ลองเดินเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาเหล่านี้ดูคุณจะได้แรงบันดาลใจอย่างท่วมท้น และที่ปายนี่เองที่ทำให้ผมได้สูดอากาศดีๆ ในยามเช้าริมฝั่นแม่น้ำปาย ได้สัมผัสละไอหมอกในร้านกาแฟที่ตกแต่งได้อย่างประทับใจและได้พบปะพูดคุยกับนักเดินทางที่ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนที่ดีเสมอถ้าคุณกล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับเขา...

ปายคือดินแดนแห่งรัก



คุณเชื่อหรือไม่ว่ามีชายไทยไม่ต่ำกว่าห้าคน (จากการคะเนด้วยสายตาเมื่อลองเดินสำรวจถนนคนเดินที่ปายดู) มีแฟนเป็นคนต่างชาติ ทั้งฝรั่งผมทองและสาวเอเชียหน้าตาจิ้มลิ้ม คนหนุ่มสาวที่เดินทางมายังอำเภอปายล้วนเป็นนักเดินทางที่แสวงหาตัวตนของตัวเอง บางคนทำงานในบริษัทใหญ่โตอยู่ในเมืองใหญ่ ชีวิตมีแต่งานจนขาดความอิสระ และนั่นก็เป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาเหล่านั้นออกเดินทางไปยังดินแดนที่ใฝ่หา หลายคนมาพบรักที่เมืองปายแห่งนี้ และใช้ชีวิตเรียบง่ายไปกับสิ่งที่ตัวเองชอบ ผมว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนที่คุณจะแต่งงานมีครอบครัวไป คุณน่าจะลองออกเดินทางไปยังทีี่ไหนสักที่ที่ใจเรียกหาแล้วคุณจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถพบได้ในเวลาที่ยุ่งเหยิงอยู่กับงานประจำวัน



ปายเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ว่าในสายตาของใครจะมองอย่างไรแต่สำหรับผมแล้วปายคือดินแดนที่สวยงามและเหมาะกับการค้นหาแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ

แดนดิน

16 มกราคม 2556

ณ เมืองสามหมอก...แม่ฮ่องสอน